๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๑

ควยเล็กเอาไว้ใช้ ควยใหญ่เอาไว้โชว์ 231 อั้ยเจี้ยวโตอินโตเกียว 1


วันนี้รีบเล่าเพราะไอ้ต้นจะไปเล่นบาส หมอบอกว่าไม่ต้องห่วงลูกในท้องเพราะในท้องกูมีแต่ข้าวเม่า ฮ่าๆๆๆ ปล่อยมาลอยฟ่องทุกเช้าอยู่แล้ว ใครจะกินข้าวเย็นก็เชิญอ้วกกันตามสบาย หุหุ

*******************************************
ควยเล็กเอาไว้ใช้ ควยใหญ่เอาไว้โชว์ 231 อั้ยเจี้ยวโตอินโตเกียว 1

"พี่ชายกูเจ๋งที่สุดในโลกกกกกกกกกกกกกก" กูแหกปากลั่นจนไอ้ต้ามันต้องเอามือมาปิดปากไว้ หน้าตามันแดงเขินๆ "ไอ้ต้น มึงจะโวยวายทำไมเนี่ย" ไอ้ต้าปรามยิ้มๆ อ้าวไอ้ห่านี่ ก็กูอยากให้คนเขารู้กันนี่หว่าว่าพี่ชายกูเจ๋งขนาดไหน กูโชคดีแบบนี้แล้วจะไม่บอกให้คนอื่นรู้ได้ไง

"ก็กูอยากให้คนอื่นรู้นี่" ผมพูดเสียงดัง ไอ้ต้าหันมองซ้ายขวาก่อนยิ้มกริ่ม "แน่จริงตะโกนว่าผัวกูเจ๋งที่สุดในโลกดิ" อะเจ้ยยยยยยย ใครจะกล้าวะ ผมหน้าจ๋อย ไอ้ต้าห้วเราะชอบใจที่แกล้งกูได้ "โด่เอ้ยย กูก็นึกว่าจะแน่" ไอ้ต้ากวนอีก "ไอ้บ้า ใครจะกล้า กลับไปบ้านก่อนเหอะ เดี๋ยวตะโกนให้ฟัง" ผมพูดเขินๆ

หลังจากวันนั้นผมก็ต้องเตรียมตัวไปญี่ปุ่นเต็มที่ เริ่มด้วยการให้ไอ้ต้าเย็ดสั่งลา แผนที่อยากให้ไอ้ต้าได้ไปญี่ปุ่นด้วยโดยจะไปขอพี่ป้องนั้นถูกไอ้ต้าห้ามไว้ เหตุผลที่มันบอกก็คือ ถ้าพี่ป้องให้มันไป คนอื่นก็อยากจะเอาญาติพี่น้องไปด้วย ซึ่งคงทำให้พี่ป้องลำบากใจพอสมควร มันเลยบอกว่าจะอยู่บ้านรอดีกว่า แถมบอกให้กูเที่ยวฝากมันด้วย แงๆๆ ก็เค้าเหงานิ ตัดควยมึงไปใช้ที่โน่นได้เปล่าอ่ะ

ไอ้ต้าเย็ดสั่งลาคืนสุดท้ายก่อนกูไปญี่ปุ่นกี่ดอกจำไม่ได้ แต่ตอนเช้าไอ้ต้นเดินขาถ่างเลย เรียกได้ว่ากูหายคิดถึงควยมันไปได้หลายวันอยู่ นอนก็ไม่ค่อยหลับขนาดหนุนอกมันทั้งคืนแล้วนะ สัญญากับไอ้ต้าไว้ว่าจะโทรมาหามันบ่อยๆ ไปแค่เดือนเดียวกลับมาธนกรไม่เป็นอื่นแน่ๆ

ผมไปถึงญี่ปุ่นแล้วก็โทรมาหาไอ้ต้า แค่จะบอกว่ามาถึงแล้วและก็คิดถึงมันมาก โทรศัพท์ก็ดูดเงินในบัตรกูจนกูหน้าซีด โหย เข้าใจหัวอกเลยเว้ยคนที่แฟนอยู่เมืองนอกนานๆ ทำไมถึงเลิกกันได้ ไอ้จะโทรหากันทุกวันมันก็ยากเพราะค่าโทรแพง ดีที่สมัยนี้อินเตอร์เน็ทมีอีเมลล์ถึงแล้วน่าจะสื่อสารได้ง่ายหน่อย กูซ้อมเล่นเอ็มมาจากเมืองไทยแล้วด้วย หา ใครหาว่ากูเชยวะ ก็แต่ก่อนกูไม่มีเหตุให้ต้องเล่นเอ็มเล่นแชตนี่หว่า ผัวอยู่ใกล้ๆ สะกิดนิดเดียวก็ได้เสียวแล้ว เอ็มเอิมเคยกะเขาที่ไหน แต่ไอ้ต้าก็สอนก่อนมาแล้วล่ะ

ที่สนามบิน มีเจ้าหน้าที่ของมหาลัยที่ญี่ปุ่นมารอรับอยู่ กูผ่าน ตม มาได้ก็เดินมารวมกลุ่ม ไอ้เจ้าหน้าที่นั่นเห็นกูมันก็ส่งภาษาญี่ปุ่นเจี้ยวจ้าวให้ กูก็เกาหัวแกรกๆ ดิ อะไรของมันวะ อิโต๊ะ อิโม๊ะ อิเมะ ไอ้ทักที่เดินตามมาแอบกระซิบ "กูว่ามันนึกว่ามึงเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นแหงเลย" ไอ้เหี้ย หน้ากูมันออกแนวตี๋มากกว่านะเว้ยย แต่จะว่าไป ตี๋กะบูชิโดมันก็คล้ายๆกันเหมือนกัน

"คนไทยโว้ยยย" ผมพูดยิ้มๆ ไอ้เจ้าหน้าที่นั่นมันทำหน้าเหวอไป หันไปหาอีกคนที่สงสัยจะเป็นล่าม ไอ้บ่ามก็หันไปหาพี่ป้อง พี่ป้องมาแปลให้กูฟังอีกที เวรจริงๆ "อ่อ เค้านึกว่าต้นเป็นคนญี่ปุ่นน่ะ" พี่ป้องพูดยิ้มๆ สาดแม่งเอ้ย เดี๋ยวพอเห็นควยกูจะเข้าใจว่ากูเป็นนิโกรอีกเปล่าวะเนี่ย

ผมกับคณะออกจากสนามบินตรงไปยังแคมปัสของมหาลัยเจ้าภาพ อากาศที่ญี่ปุ่นแม่งแปลกๆ ตอนไปเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิหรือฮารุถ้าเป็นเมืองไทยก็ร้อนตับห้อยเตรียมสาดน้ำกันแล้ว แต่ที่ญี่ปุ่นแม่งยังหนาวจนน้ำแข็งเกาะไข่ อาจจะเป็นเพราะหน้าหนาวมันยังผ่านไปไม่พ้นดีละมั้ง

ผมนั่งมองสองข้างทางที่รถวิ่งไป ความตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์ใหม่แปลกตาไม่ได้พาให้หัวใจหายเหี่ยวเลย ข้างนอกฤดูใบไม้ผลิ แต่ในใจกูตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงเตรียมเข้าสู่ฤดูหนาวเพราะต้องนอนเหงาคนเดียว งืดๆๆ คิดถึงสามีง่ะ ไม่อยากได้คนใหม่ด้วย อยากได้คนเดิมที่นั่งควยโตอยู่ไทยแลนด์

แคมปัสของมหาลัยที่เราไปอยู่นอกเมือง บอกรายละเอียดมากไม่ได้เดี๋ยวไอ้เม้มรู้ อิอิ เอาเป็นว่าพอกูไปถึงก็มีเจ้าหน้าที่ของมหาลัยอีกชุดออกมาต้อนรับ มีทีมบาสมาด้วย แต่ละคนสูงๆทั้งนั้นเลย ที่สำคัญคือหน้าตานี่น่าน้ำแตกด้วยมากๆ โดยเฉพาะพ่อหนุ่มร่างสูงคนนึงที่ไม่ได้ชุดวอร์มเหมือนเพื่อน แต่ใส่เป็นชุดสูทเต็มยศเชียว

เจ้าหน้าที่พาพวกเราไปห้องประชุมเพื่อต้อนรับอย่างเป็นทางการ อธิการบดีของมหาลัยกูก็ไป ดแม่งยังกะงานฉลองระดับประเทศ พอมันพูดอะไรกันเสร็จมันก็ให้พวกเราทำความรู้จักกัน แต่พี่ป้องสั่งมาแล้วว่าให้ทุกคนอยู่ในระเบียบวินัย ห้ามแตกแถว เลยไม่มีใครกล้าขยับ จนเจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ออกไปจากห้องนะแหละถึงได้มีเสียงพูดคุย

ไอ้รูปหล่อใส่สูทนั่นอยู่ดีๆก็เดินตรงมาทางพวกเราก่อนโค้งงามๆ แล้วก็พูดภาษาไทยกระท่อนกระแท่นจับความได้ว่า "ซาวัดดีคั่บ ฮินงีโต้นงับ" แม่งเอ้ยยยย กว่ากูจะเข้าใจเกือบทำต่อมลูกหมากกูแตก พวกเรายืนขึ้นแล้วก็ไหว้มันสวยๆ "สวัสดีคร้าบบบบ โอไฮโย่วววว โกววไซมาสสสส"

ไอ้หนุ่มนั่นยิ้มเขินๆ ก่อนโค้งอีกที แม่งหันตูดมาทางนี้ดิวะกูจะได้เสียบแม่ง "พ้มมจื่อเคนตะ เพ็นล่ามคั่บ" อ่อ มันบอกว่ามันชื่อเคนตะ แล้วก็เป็นล่าม เหี้ยเอ้ย มึงพูดกูยังต้องแปล อย่างงี้ไม่เรียกล่ามแล้ว เอาเป็นว่าต่อไปให้นึกว่าไอ้เคนตะ หรือไอ้เคนมันพูดภาษาไทยชัดก็แล้วกันนะ แต่ที่จริงแล้วไอ้เคนตะมันพูดภาษาจีนได้ ความที่มันเป็นลูกครึ่งจีนญี่ปุ่น กูมารู้ทีหลังตอนหลังเลยจ้อกันภาษาจีนยังกะเจ๊กเยาวราช

ไอ้เคนมันหันไปหาเพื่อนๆ ทีมญี่ปุ่นแล้วพูดเหี้ยไรไม่รู้ชุดใหญ่ ไอ้พวกนั้นก็เดินออกมาเรียงแถวหน้ากระดอ เอ้ยหน้ากระดานโค้งพวกผมอย่างสวยงาม แล้วไอ้หัวแถวก็เริ่มแนะนำตัว เหงื่อกูเริ่มตกกีบอีกแล้ว แม่งพูดอะไรกันวะ เดี๋ยววะ เดี๋ยวโอ๊ะ แม่งแนะนำจนครบทีม กูก็ยังจำไม่ได้สักชื่อ แต่มันถึงทีทีมกูแล้วดิ

"วาตาชิวะ ทาเคะ เดส" ไอ้ทักเริ่มก่อน ห่าอะไรของมึงวะเนี่ย เอาละสิ คนที่สองก็เสือกแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ แล้วกูยืนเป็นคนที่ห้า กูจะภาษาจีนได้ไหมวะ ไอ้เหี้ยเอ้ย งานเข้าเต็มตีนเลยกู เสียงเพื่อนๆกูแนะนำตัวทีละคน ไอ้พวกญี่ปุ่นมันก็ทวนชื่อแต่ละคนช้าๆ ไอ้ทักอ่ะไม่ยาก ผ่านสบายเพราะแม่งเล่นภาษาญี่ปุ่นเลย คนถัดมาก็ภาษาอังกฤษ มันก็ทวนกันได้ แต่พอมาถึงกู

"หวัดดี กูชื่อต้น" ฮ่าๆๆๆๆ เอาแล้วไง พี่ป้องเหล่มองกูเข้าแล้วพร้อมกับเพื่อนๆในทีมปล่อยฮากันใหญ่ ไอ้พวกญี่ปุ่นทำหน้างงเหมือนแดกปลาดิบมีพยาธิตัวจี๊ด ยกเว้นไอ้เคนตะที่หัวเราะไปกะเขาด้วย "ไอ้ต้น มึงแนะนำตัวดีๆหน่อย" เสียงพี่ป้องตะคอกมาจากหน้าห้อง อ้าวไอ้เหี้ย กูแนะนำแบบนี้ไม่ดีตรงไหน ไทยแท้แต่โบราณเชียวนะเว้ยยย

"มายแหนมอีส ต้นนนนน" กูแนะนำใหม่ ไอ้พวกญี่ปุ่นทำหน้าเหมือนกินยาถ่ายพยาธิเข้าไป เอาไงดีวะเนี่ย "ท่อน?" ท่อนพ่อเมิงเส่ ไม่ใช่ว้อยยย อย่ามาทวนชื่อกูแบบมั่วๆนะเว้ยย เดี๋ยวพ่อเอาท่อนเสียบตูดจริงด้วย "ต้น ที โอ เอ็น" ผมสะกดเป็นภาษาอังกฤษให้มันด้วย เสือกมีไอ้หน้าจืดทวนชื่อกูใหม่ "ตัน" ไอ้เวงงง ชื่อไม่เป็นมงคลแบบนั้นใครเขาจะใช้ รูกูถูกทะลวงเกือบทุกวันจะมาตันได้ไง

ผมเริ่มกดดัน เอาไงดีวะ ทำไมแม่กูไม่ตั้งชื่อให้ไอ้พวกนี้เข้าใจง่ายๆหน่อยวะ เอางี้แล้วกัน สะกดใหม่ตามเสียง จะได้เข้าใจถูก "โน้วๆๆๆ มายเนมอีส ต้น ที โอ เอ็น อี" สะกดแบบนี้ละกัน มันน่าจะออกเสียงถูก T O N E อ่ะ เข้าใจไหม ไอ้พวกญี่ปุ่นส่งเสียงครางพยักหน้าให้กัน "โทนนนน" กรรม!

โอค โทนก็โทน สัดแม่งกูไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ไว้หาชื่อใหม่แล้วกัน ไอ้ห่าทักเสือกยิ้มกวนตีน ตอนเราแนะนำตัวกันเสร็จมันยังเสือกกระซิบ "ไม่รู้นะเนี่ย ว่าเมียมาด้วย คืนนี้ให้กูเอานะ" ไอ้สาดดดด กูไม่ใช่ไอ้โทนของมึงนะเว้ยยยยย ไอ้เคนเดินมายิ้มให้ "ชื่อต้นเหรอ" บอกแล้วว่าให้นึกว่ามันพูดชัด แต่มันก็ออกเสียงคำว่าต้นชัดจริงๆแหละ ผมยิ้มให้มันไปทีนึงก่อนมันจะมาบอกให้พวกเราเก็บของตามมันไปที่พัก

ผมเดินจากอาคารที่มีห้องประชุมแล้วมองหาห้องที่มีคอมพิวเตอร์ เผื่อจะใช้แชทกับไอ้ต้าได้แต่ก็ยังหาไม่เจอ ไม่แน่ที่ห้องพักอาจจะมี หรือไม่ไว้ถามไอ้เคนมันทีหลังก็ได้ ผมเดินข้ามสนามบอลผ่านโรงยิมที่อยู่ไม่ไกลนัก อากาศเย็นสบายแต่มันมีความเหงาลอยมาในอากาศหรือเปล่าวะ มันถึงได้ดูเศร้าๆแบบนี้

ไอ้เคนพาพวกผมมาถึงห้องพักที่กำหนดให้พักคนละสองห้อง แต่ผมมัวแต่เดินหาคอมพิวเตอรือยู่เลยไปเอากุญแจช้ากว่าคนอื่น ดอกที่เหลือเป็นดอกสุดท้าย เอาอีกแล้ว ไอ้ต้นอยู่คนเดียวอีกแล้ว แง่งๆๆๆ ไอ้ทักมันก็มีเพื่อนมันก็ไม่ได้อยู่กับกูหรอก เอาวะ อยู่คนเดียวก็ได้ ผมเอากุญแจไขห้องที่อยู่ห้องริมสุดท้ายปลายทางเดิน โห หาตั้งนาน ในที่สุดกูก็เจอคอมพิวเตอร์ในห้องนอนจริงๆด้วย ถ้ากูไปซ้อมที่ซิมบับเวคงไม่มีแบบนี้ แต่ที่นี่คือญี่ปุ่นขนาดขี้ยังไมโครชิพฝังเลย

ผมโยนกระเป๋าตัวเองลงบนเตียงชั้นล่าง เตียงที่ให้เป็นเตียงสองชั้นครับ แต่เรื่องอะไรกูจะปีนขึ้นปีนลงล่ะ กูก็นอนข้างล่างไปแหละ นอนคนเดียวไอ้ต้นไม่มีปัญหาหรอกขออย่ามีผีแล้วกัน ผมจัดการเก็บเสื้อผ้าแล้วก็หันไปเปิดคอม

"ฉิบหาย" ผมสบถอย่างอารมณ์เสีย ไม่รู้ว่าเพราะมันเป็นญี่ปุ่นด้วยหรือเปล่า พอกดเปิดคอมปุ๊บ หน้าจอก็เป็นญี่ปุ่นไปกับเขาด้วย ตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่นขึ้นเต็มพรืดไปหมด เริ่มเหงื่อตกแล้วกู แถมคีย์บอร์ดแม่งก็ภาษาญี่ปุ่นกับภาษาอังกฤษ แล้วกูจะคุยกับเมียกูรู้เรื่องไหมเนี่ย ถึงกูจะคุ้นๆหลายตัวก็เหอะ แต่พ่อมึง กูอ่านไม่ออกเว้ยยย

กำลังร่ำๆ ว่าจะเอาควยฟาดคอมให้แหลกเพราะความขัดใจดีไหม เสียงประตูต้องก็เคาะเบาๆ สงสัยจะเป็นไอ้ทักมันมาหาแน่ๆเลย ไอ้เหี้ยอย่าคิดว่ากูเป็นเมียมันนะ แต่พอเปิดไปก็ต้องงงเพราะกลายเป็นไอ้เคนตะยืนโค้งในมือถือกระเป๋าเดินทาง ปากก็พูดกระท่อนกระแท่น "รบกวนด้วยนะคับ"

ผมยืนเหวออยู่ไอ้เคนมันก็เดินตัวงุ้มเข้ามาในห้อง มันเอากระเป๋าใครมาส่งหรือเปล่าวะ ผมชะโงกไปมองข้างนอกเห็นพี่ป้องกำลังเดินมา ซวยแล้ว นอนกับพี่ป้องเหรอวะกู แง่งงงง ไม่ดีมั้ง พี่ป้องเดินมาถึงห้องก็เรียกผมไปหน้าห้อง

"ต้น พี่ฝากเจ้าเคนตะมันนอนด้วยนะ เห็นทางญี่ปุ่นเค้าบอกว่าเคนตะมันต้องวิ่งรอกไปมาระหว่างหอที่มันอยู่กับตึกที่เราพัก พี่เลยบอกให้มันย้ายของมาพักกับเราที่นี่เลย จะได้ไม่เหนื่อยมาก" อ้าวเฮ้ยยย แล้วกูจะคุยกับมันรู้เรื่องไหมวะเนี่ย แต่ก็ดีกว่าพักกับพี่ป้องละวะ กูกลัว อิอิ

ผมกลับเข้าไปในห้องอีกรอบ ไอ้เคนตะมันกำลังเอาเสื้อสูทแขวน โหย แม่งสูงพอกับกูเลย แต่ทำไมขาวกว่ากูวะ กูว่ากูขาวแล้วนะ ไอ้เคนมันแต่งตัวเรียบร้อยมากแถมยังทำตัวเรียบร้อยอีก กูมองมันพักนึกมันก็เงยหน้ามายิ้มให้ ซวยละสิ เขินเว้ย ผมเลยปิดประตูห้องน้ำกะจะหลบไปสงบสติอารมณื แต่แล้วก็ "โครมมมมมมมมม"

ไอ้เหี้ยเอ้ย พวกญี่ปุ่นมันขี้ในถังแมวรึไงวะ กูเปิดประตูเข้าไปนึกว่าห้องน้ำเมืองไทยเลยเดินเข้าไปเต็มแรง แม่งเอ้ยใครจะรู้ล่ะว่าพ้นประตูไปกูจะเจอชักโครกเลย หันขวาปุ๊บเจอกระจก หันซ้ายเจออ่างน้ำแบบนั่งอาบได้อย่างเดียว เล็กกว่าศาลพระภูมิบ้านกูอีกมั้ง

ไอ้เคนโผล่หน้ามาดูว่าผมเป็นอะไรหรือเปล่า ผมเอามือลูบหัวเข่าที่กระแทกกับชักโครกเต็มแรง แม่งเอ้ย เจ็บตัวตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลย ผมโบกมือเป็นสัญญาณว่าไม่เป็นอะไร ก่อนจะเดินออกไปนั่งบนเตียง หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดทิ้งไว้ยังด่ากูด้วยภาษาญี่ปุ่นเต็มหน้าจอ ไอ้เคนกำลังจะเปลี่ยนชุด ถามมันดีกว่า

"เคนตะ" ผมเรียกพลางเอามือชี้ไปทางคอมพิวเตอร์แล้วทำหน้าโง่ๆ เผื่อมันจะเข้าใจ ไอ้เคนมันหันมามองแล้วก็พยักหน้ายิ้มๆ แล้วมันก็ถอดเสื้อของมันต่อ ไอ้เหี้ย กูไม่ได้ถามว่าเปิดคอมได้ไหมนะเว้ยย แต่กูจะถามว่ามันใช้ยังไง ไอ้เคนตะยังง่วนอยู่ ผมเลยย้ายไปนั่งหน้าคอม ลองจิ้มมั่วๆดู

"ปี๊ดๆๆๆ" อะไรของมึงอีกวะไอ้คอมหัวกล้วยยย กูจิ้มผิดแล้วมึงจะทำลายตัวเองรึไง หน้าจอขึ้นห่าอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ผมเซ็งจัดเลยบ่น "ไอ้เหี้ย แล้วแม่งจะคุยยังไงวะ" ไอ้เคนตะมันคงได้ยิน มันเลยเดินมาใกล้แล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวด อย่าเข้ามานะเว้ย กูแพ้ความขาว

"ต้นซังนี่ พู๊ดม่ายเพาะเลยนะคั่บ"


***************************************************

***************************************************

1 ความคิดเห็น:

  1. อ่านตอนนี้ไม่มีเสียว มีแต่ฮา...ฮ่า ๆ ๆ (นึกว่ามาคาเฟ่ ก๊าก ๆ ๆ)

    ตอบลบ

ช่วยเม้นต์กันหน่อยนะค้าบบบบ